You are currently viewing E-signature & มาตรฐาน ISO ในโรงงาน

E-signature & มาตรฐาน ISO ในโรงงาน

ISO คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร

     ISO (International Organization for Standardization) คือองค์กรระหว่างประเทศที่กำหนดมาตรฐานกลาง (International Standards) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพ ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต บริการ ไปจนถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ

     สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย ISO เป็นเหมือน “ใบเบิกทาง” ที่แสดงให้คู่ค้าและลูกค้าเห็นว่า โรงงานมีระบบการทำงานที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และเชื่อถือได้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ การเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน การลดความเสี่ยง และการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานภายใน

ตัวอย่าง ISO ที่นิยมใช้ในโรงงาน ได้แก่

  • ISO 9001 : ระบบบริหารคุณภาพ (Quality Management System)
  • ISO 14001 : ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
  • ISO 45001 : ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
  • ISO/IEC 27001 : ระบบการจัดการความมั่นคงสารสนเทศ (สำหรับโรงงานที่เกี่ยวข้องกับ Data/IT)

1. ความสำคัญของ ISO

    •  เพิ่มความน่าเชื่อถือของโรงงานต่อคู่ค้า/ลูกค้า
    • สร้างระบบการทำงานที่มีมาตรฐาน → ลดความผิดพลาด
    • ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง (Regulatory Compliance)
    • สร้างความมั่นใจให้พนักงาน → มีขั้นตอนการทำงานชัดเจน
    • สร้างความยั่งยืน → ลดต้นทุนในระยะยาว
2. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับ ISO ในโรงงาน
 

     เมื่อโรงงานเข้าสู่ระบบ ISO จะมี เอกสาร เป็นหัวใจสำคัญ เพราะ ISO เน้นการทำงานที่ตรวจสอบย้อนหลังได้ (Traceability) และทุกขั้นตอนต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน

ประเภทเอกสารที่พบบ่อย

2.1 Manual (คู่มือคุณภาพ / คู่มือระบบ)

    • อธิบายโครงสร้างระบบบริหารคุณภาพ
    • ระบุขอบเขต ISO ที่โรงงานนำมาใช้

2.2 Procedure (ระเบียบปฏิบัติ)

    • ขั้นตอนการทำงานที่กำหนด เช่น การตรวจสอบคุณภาพ, การบำรุงรักษาเครื่องจักร, การจัดการของเสีย

2.3 Work Instruction (วิธีปฏิบัติงาน)

    •  ขั้นตอนที่ละเอียดลงไป เช่น วิธีการตั้งค่าเครื่องจักร, วิธีตรวจสอบสินค้าในแต่ละสถานี

2.4 Records (บันทึก)

    • หลักฐานการปฏิบัติงาน เช่น ใบตรวจสอบคุณภาพ (QC Check Sheet), ใบบันทึกการอบรม, ใบรายงานเหตุการณ์อุบัติเหตุ

2.5 Form (แบบฟอร์ม)

    •  ฟอร์มที่พนักงานใช้กรอกข้อมูล เช่น ใบขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงกระบวนการ, ใบอนุญาตทำงาน

3. ปัญหาของการใช้เอกสารกระดาษในระบบ ISO

แม้ว่าเอกสารกระดาษจะเป็นรูปแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน แต่ก็มีข้อจำกัดหลายประการ

    • เสี่ยงต่อการสูญหาย
    • เอกสารอาจหาย, เสียหายจากไฟไหม้/น้ำท่วม, หรือถูกเก็บผิดที่
      • เสียเวลา
    • ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการค้นหาเอกสารเก่า
    • การเซ็นอนุมัติต้องใช้การส่งต่อเอกสารระหว่างแผนก → ทำให้กระบวนการช้าลง
      • ควบคุมเวอร์ชันยาก
    • เอกสารอาจมีหลายฉบับ (Revision) ทำให้สับสนว่าฉบับไหนล่าสุด
    • ไม่ตอบโจทย์ยุค Digital Transformation
    • ลูกค้าและคู่ค้าหลายรายเริ่มต้องการระบบที่สามารถตรวจสอบออนไลน์ได้
      • ต้นทุนสูง
    • ค่าใช้จ่ายด้านกระดาษ, หมึกพิมพ์, ตู้เก็บเอกสาร
    • ค่าแรงในการจัดเก็บ/ค้นหา

4. การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเอกสารออนไลน์และ e-Signature

     การนำ ระบบเอกสารออนไลน์ และ การเซ็นเอกสารแบบดิจิทัล (e-Signature) เข้ามาใช้ในโรงงานที่ต้องทำ ISO จะช่วยแก้ปัญหาที่กล่าวมาได้ทั้งหมด

5. ประโยชน์ของการใช้ e-Signature ในการทำเอกสาร ISO

    • ความปลอดภัยสูงขึ้น
      • มีระบบยืนยันตัวตน (2FA, Password)
      • Audit trail แสดงว่าใครเซ็น เมื่อไร จากไหน
    • ง่ายต่อการตรวจประเมิน (Audit)
      • ผู้ตรวจ ISO สามารถเข้าถึงเอกสารผ่านระบบ → ไม่ต้องค้นหาจากแฟ้ม
      • ลดเวลาการตรวจประเมินลง
    • เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน
      • ผู้จัดการ/ผู้บริหารสามารถเซ็นอนุมัติได้แม้ไม่อยู่โรงงาน (Remote approval)
    • สนับสนุนความยั่งยืน (Sustainability)
      • ลดการใช้กระดาษ = ลดการตัดต้นไม้
      • ตรงตามแนวคิด Green Factory / Carbon Neutral
    • ลดต้นทุนอย่างเห็นได้ชัด
      • ไม่ต้องซื้อกระดาษ/หมึกพิมพ์ → ลดค่าใช้จ่าย 30–50%
      • ไม่ต้องเช่าพื้นที่เก็บเอกสาร (Storage room)
    • เพิ่มความเร็วในการอนุมัติ
      • จากเดิมใช้เวลา 2–3 วันในการเดินเอกสาร → เหลือเพียงไม่กี่นาที

6. กรณีศึกษาเชิงสมมุติ (case study)

โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่ง

    • ก่อนใช้ระบบ e-Signature
    • ใช้เอกสารกระดาษในการอนุมัติการเปลี่ยนแปลงชิ้นงาน (Engineering Change Request – ECR)
    • เอกสารต้องผ่าน 4 แผนก → ใช้เวลาเฉลี่ย 3 วัน
    • ค่าใช้จ่ายเอกสารต่อเดือน ~15,000 บาท
    • หลังใช้ระบบ e-Signature:
    • ใช้แพลตฟอร์ม zDOX ในการเซ็นเอกสาร ECR
    • Audit ตรวจสอบง่ายขึ้น → ไม่มีปัญหาตอนตรวจ ISO 9001
    • ลดเวลาอนุมัติจาก 3 วัน → เหลือ 30 นาที
    • ค่าใช้จ่ายเอกสารต่อเดือน ลดลงกว่า 60%

บทสรุป

     ISO เป็นมาตรฐานที่โรงงานจำเป็นต้องมีเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและปรับปรุงคุณภาพการทำงาน เอกสารจึงเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินระบบ ISO แต่ปัญหาของการใช้เอกสารกระดาษคือ ควบคุมยาก, ไม่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล,ต้นทุนสูง, เสียเวลา

    การนำ ระบบเอกสารออนไลน์และ e-Signature เข้ามาใช้ จะทำให้โรงงาน

    • ปลอดภัย ตรวจสอบย้อนหลังได้ (Audit-friendly)
    • เสริมความยั่งยืน ลดการใช้กระดาษ
    • เร็วขึ้นจาก “วัน” เหลือ “นาที”
    • ลดต้นทุนได้มากกว่า 50%

ดังนั้น หากโรงงานกำลังเข้าสู่การขอหรือรักษามาตรฐาน ISO การเปลี่ยนไปใช้ ระบบเอกสารออนไลน์ + e-Signature ไม่ใช่เพียง “ตัวเลือก” แต่เป็น “ความจำเป็น” ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพและการแข่งขันในตลาดได้จริง

ใส่ความเห็น